กล้วยน้ำว้า…รักษาโรคกระเพาะ

เมื่อพูดถึงโรคกระเพาะ ผู้ที่เคยเป็นหรือกำลังเป็นโรคนี้อยู่คงทราบดีว่า อาการเป็นอย่างไร ผู้เขียนได้มีโอกาสรู้จักกับโรคนี้เมื่อประมาณปี 29

เพราะมีอาการปวดท้อง แน่นท้อง อึดอัดมาก จนฉันอาหารไม่ค่อยได้ ทีแรกตั้งใจว่าจะรักษาด้วยตัวเอง เพราะคิดว่าคงเป็นอาการของโรคกระเพาะแน่ แต่ก็เพื่อความแน่ใจจึงได้เข้ารับการตรวจจากแพทย์แผนปัจจุบัน และผลก็ออกมาว่าเป็นโรคกระเพาะจริง จึงได้ใช้ยาแผนปัจจุบันรักษาเรื่อยมา อาการก็ทุเลาลงแต่ยังไม่หายเป็นปกติ

เนื่องจากผู้เขียนเคยอ่านเรื่องเกี่ยวกับการรักษาโรคกระเพาะด้วยขมิ้นชัน จึงได้ทำยานี้รักษาโรคกระเพาะของตัวเอง โดยนำขมิ้นชันหัวแก่ๆสดๆ (ไม่ควรซื้อขมิ้นผงที่มีขายตามท้องตลาด เพราะขมิ้นเหล่านั้นอาจต้มหรือนึ่ง จนน้ำมันในขมิ้นระเหยออกไปหมด ฤทธิ์ทางยาก็จะหมดไปด้วย ทำให้การรักษาไม่ได้ผล) เอาเฉพาะส่วนที่เป็นแง่งหรือแขนง ส่วนหัวหรือตรงไส้กลางไม่ใช้ นำมาล้างให้สะอาดแล้วหั่นบางๆ จากนั้นก็นำไปตากแดดจัดๆสักสามแดด (ไม่ควรตากนานกว่านี้ เพราะจะทำให้ยาเสื่อมสภาพ)

เมื่อตากแดดแล้วก็นำมาตำให้ละเอียดเป็นผง ปั้นกับน้ำผึ้งหรือน้ำเชื่อมเข้มข้นเป็นยาลูกกลอนขนาดปลายนิ้วก้อย ฉันหลังอาหารทุกครั้ง ครั้งละ 2-3 เม็ด โดยงดยาแผนปัจจุบันทุกชนิด

ปรากฏว่าอาการปวดท้องแน่นท้องหายไป แต่ต่อมายาที่ทำไว้หมดลง อาการก็กลับเป็นขึ้นมาอีก ตอนนั้นผู้เขียนกำลังมีงานยุ่งมาก ไม่มีเวลาที่จะหาขมิ้นชันได้ เพราะถ้าจะซื้อก็ต้องไปถึงในตัวจังหวัด
บังเอิญคืนหนึ่งได้อ่านหนังสือการใช้สมุนไพร ซึ่งบอกสรรพคุณของกล้วยไว้ว่า

“ในเนื้อและเปลือกกล้วยทุกชนิดมีเซอโรโทนิน ซึ่งเป็นสารที่มีผลยับยั้งการหลั่งของน้ำย่อยของกระเพาะอาหาร และกระตุ้นให้ลำไส้เล็กบีบตัวมากขึ้น จึงได้บำบัดอาการแผลในกระเพาะอาหารและทำให้ระบายได้”

ด้วยความอยากหายจากโรค ประกอบกับกล้วยน้ำว้า เป็นของที่ผู้เขียนสามารถหาได้ง่ายอยู่แล้ว จึงทดลองทำยาจากกล้วยน้ำว้าใช้ดู

วิธีทำก็คล้ายกับการทำยาจากขมิ้นชัน คือนำกล้วยน้ำว้าดิบที่แก่จัดทั้งลูก (ทั้งเปลือก) นำมาล้างน้ำให้สะอาดแล้วหั่นขวางลูกเป็นชิ้นบางๆ เหมือนหั่นแตงกวาใส่ข้าวผัด เสร็จแล้วนำไปเกลี่ยใส่ถาด อย่าให้ชิ้นกล้วยซ้อนกันมากนัก ตากแดดจัดๆ สักสามแดด แล้วจึงนำมาใส่ครกตำให้ละเอียด โดยนำมาตำในขณะเก็บจากแดดใหม่ๆ เพราะกล้วยยังกรอบอยู่จะทำให้ตำละเอียดง่าย เรียบร้อยแล้วก็เก็บใส่ขวดปากกว้างที่มีฝาปิดได้สนิท ใช้ครั้งละ 2 ช้อนโต๊ะ ผสมน้ำค่อนแก้ว ฉันหลังอาหารทุกมื้อ ใช้อยู่ไม่กี่วันอาการก็ดีขึ้น หายปวดท้อง แน่นท้อง และฉันข้าวได้มากขึ้น จึงใช้ยานี้เรื่อยมาจนกระทั่งหมด และก็ทำยาครั้งที่สองขึ้นมาอีก

ใช้ยาขนานนี้อยู่เดือนเศษจึงได้ทดลองหยุดยาดู เพราะคิดว่าอาการคงหายขาดแล้ว และก็ปรากฏว่าอาการไม่กำเริบขึ้นมาอีกเลย จึงมั่นใจว่ากล้วยน้ำว้าดิบสามารถรักษาโรคกระเพาะได้ จึงอยากชวนให้ผู้ที่ป่วยด้วยโรคนี้ได้ทดลองใช้รักษาดูบ้าง เพราะกล้วยน้ำว้าเป็นของที่หาซื้อได้ง่ายโดยทั่วไป และถ้าต้องซื้อก็เป็นของที่มีราคาไม่แพงนัก

แต่อย่าลืมว่าใช้ยานี้รักษาโรคกระเพาะแล้ว เมื่อหายปวดอย่าหยุดยาทันที ควรใช้ต่อไปอีกสัก 1-1 1/2 เดือน เพราะโรคกระเพาะต้องใช้ระยะเวลาในการรักษา ถ้ารีบหยุดยาเพราะคิดว่าหายแล้ว อาการอาจกำเริบขึ้นอีก ทำให้โรคไม่หายขาด และสิ้นเปลืองเวลาในการรักษามากกว่าที่ควร และที่สำคัญที่จะช่วยให้รักษาโรคนี้ได้หายเร็วขึ้น ก็คือผู้ป่วยต้องงดอาหารรสจัดทุกชนิด และกินอาหารให้เป็นเวลา รวมทั้งงดดื่มเครื่องดื่มที่มีแอลกอฮอล์ กาแฟ และน้ำอัดลม

ข้อมูลสื่อ
ชื่อไฟล์: 104-022
นิตยสารหมอชาวบ้าน เล่มที่: 104
เดือน/ปี: ธันวาคม 2530
คอลัมน์: เล่าเรื่องให้เพื่อนฟัง

สอบถามเพิ่มเติม